ในยุคโควิด-19 แบบนี้ ผู้คนทั้งโลกจำเป็นต้องใส่ใจดูแลทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้แข็งแรง เพื่อสู้กับโรคติดต่อ ถึงแม้อาการของโรคจะไม่ได้ร้ายแรงแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยทุกคน บางคนล้มป่วยเสียชีวิตด้วยโรคโควิด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งถ้าใครมีคนแก่อยู่ในครอบครัว จำเป็นต้องดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อให้คนในครอบครัวปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะ Work From Home มากกว่าการออกไปทำงานยังสถานที่ต่างๆ และอาจจะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความผิดปกติทางด้านสุขภาพจิตตามไปด้วย เนื่องจากเราไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนได้ สถานที่ปัจจุบันที่เราใช้มากที่สุดก็คือที่อยู่อาศัย บางคนเกิดความอึดอัดจนทำให้จิตใจแย่ตามไปด้วย ดังนั้นบทความนี้เราจึงมาแนะนำวิธีดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตควบคู่กันไปในยุคโรคระบาดโคโรน่าไวรัส วิธีดูแลสุขภาพจิตช่วงโรคระบาดโควิด-19 – กำจัดความเครียด เป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับทุกคน โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำที่จำเป็นต้องออกไปทำมาหากินนอกบ้าน ซึ่งมีความเสี่ยงมากที่สุด และปัญหาที่ตามมาก็คือความเครียดสะสม เพราะนอกจากจะเครียดเรื่องสุขภาพแล้ว ยังต้องเครียดกับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากเราบำบัดตัวเองและสามารถกำจัดความเครียดโดยไม่ต้องพึ่งหมอได้ จะทำให้สุขภาพจิตของคุณแข็งแรงด้วยเช่นกัน ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เมื่อรู้ตัวว่าเข้าสู่สภาวะเครียด ควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลายสมอง เช่น อ่านหนังสือ ดูหนังตลก ออกกำลังกายในบ้าน ฟังเพลงผ่อนคลาย หรือคิดในแง่บวกเป็นต้น – พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกข้อที่สำคัญมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้แล้ว ยังทำให้เราสดชื่นหลังตื่นนอนได้อีกด้วย จะช่วยลดความกดดันหรือความเครียดในหัวของคุณไปได้เยอะ ไม่ใช่แค่นอนเร็วแล้วจะได้แค่พักผ่อนเต็มที่อย่างเดียว แต่การพักผ่อนอย่างเต็มที่จะทำให้สมองปลอดโปร่ง นั่นอาจจะทำให้คุณมีความคิดหรือไอเดียในแต่ละวันที่ลดความเสี่ยงในเรื่องสุขภาพจิตได้ สังเกตได้ว่าเมื่อเรามีความเครียดสะสมมากๆ หากเราได้พักผ่อนเต็มที่ก็เหมือนกับปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างให้ออกจากสมองไปได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามเด็ดขาด –…
Category: Uncategorized
ภัยเงียบจากการนอนดึก
มีใครนอนก่อน 4 ทุ่มบ้าง เชื่อว่ามีไม่กี่คนที่นอนก่อนเวลานี้ แม้เราจะรู้ว่าเวลาที่ดีที่สุดของการนอนคือก่อน 4 ทุ่ม แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ อาจจะทำให้หลายคนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือในบางคนชอบเล่นมือถือก่อนนอน ทำให้กว่าจะนอนหลับพักผ่อนจริง ๆ ก็เลยเวลานอนที่ดีที่สุดไปแล้ว ใครที่ชอบนอนดึกบ่อย ๆ พึงระวัง เพราะมีภัยร้ายที่แอบแฝงอยู่จากการนอนดึกซึ่งคุณอาจยังไม่รู้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่นอนดึกเป็นประจำ ลองมาเช็คกันว่าคุณมีอาการเหล่านี้กันบ้างหรือไม่ มีปัญหาเรื่องความจำ ขี้หลงขี้ลืม หลายคนอาจจะเคยสังเกตตัวเองอยู่บ้างว่า ทำไมช่วงนี้ขี้ลืม บางคนลืมกุญแจบ้าน บางคนลืมกระเป๋าสตางค์และบางคนอาจจะมีอาการหนักถึงขั้นลืมเรื่องที่เพิ่งคุยก่อนหน้านี้ไม่ถึง 10 นาที นี่คืออาการที่เกิดขึ้นจากการนอนดึก ในวัยเด็กโกรทฮอร์โมนจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต เมื่อเป็นผู้ใหญ่โกรทฮอร์โมนจะช่วยในเรื่องของระบบสมองและปลายประสาทเมื่อนอนดึกเลยเวลาโกรทฮอร์โมนหลั่ง ทำให้ร่างกายขาดฮอร์โมนที่จะมาช่วยฟื้นฟูในเรื่องของความจำ จึงทำให้มีอาการขี้หลงขี้ลืมเกิดขึ้นนั่นเอง อารมณ์แปรปรวนง่าย การนอนดึกทำให้ร่างกายพักผ่อนน้อย นอนไม่พอ เมื่อตื่นมาตอนเช้าทำให้ร่างกายไม่สดชื่น หงุดหงิดง่าย เมื่อมีสิ่งใดมากระตุ้นอารมณ์จะทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ต่ำกว่าคนทั่วไป คุณจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด โมโหในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ง่าย ลองสังเกตตัวคุณเองดูโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ในช่วงวันนั้นของเดือนแต่ก็มีอาการตามที่กล่าวมา คุณควรหันมาใส่ใจในเรื่องของเวลานอนให้มากขึ้น ก่อนที่คนรอบข้างจะหนีห่างจากคุณไปเสียก่อน น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นง่าย เป็นโรคอ้วน สาเหตุของความอ้วนหรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากการที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้สมองสั่งการให้ร่างกายเกิดความรู้สึกอยากอาหารเพื่อทดแทนหรือชดเชยการนอนที่ไม่เพียงพอ ไม่เพียงเท่านั้นคนที่นอนดึกเป็นประจำมักพบว่ารู้สึกหิวตอนดึก ๆ พอกินอิ่มหนังท้องตึงเป็นธรรมดา…
เลือกสีห้องนอนแบบไหนให้นอนหลับสบาย
คุณรู้ไหมว่าสีของห้องนอนนั้นมีอิทธิพลกับการนอนหลับของคุณเป็นอย่างมาก มีใครเคยสังเกตตัวเองไหมว่าบางครั้งรู้สึกง่วงมาก แต่พอเดินเข้าห้องนอนทีไรทำไมรู้สึกตื่นตัวและตาสว่างทุกที ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกแบบนั้น ลองมาเช็คสีห้องนอนของตัวเองกันว่า เพราะสีห้องนอนของคุณเองไหมที่ทำให้คุณรู้สึกไม่อยากนอน และสีห้องนอนแบบไหนที่จะช่วยให้คุณนอนหลับสบายได้ทั้งคืนบ้าง มาดูกัน ห้องนอนสีเขียว เราต่างก็รู้ดีว่าสีเขียวเป็นสีที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แม้แต่เวลาทำงานจ้องหน้าจอนาน ๆ ยังต้องแนะนำให้เราพักสายตามองหาต้นไม้หรืออะไรที่เป็นสีเขียว ห้องนอนก็เช่นกัน ถ้าเลือกทาสีห้องนอนเป็นโทนสีเขียวจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่น หายเมื่อยล้าจากการทำงานหนักมาทั้งวัน ทำให้เราพร้อมที่จะนอนหลับพักผ่อนได้ตลอดทั้งคืน ห้องนอนสีฟ้า สีฟ้าเป็นสีแห่งความสงบและเยือกเย็น ถ้าอยากให้ตัวคุณเองผ่อนคลายและนอนหลับได้อย่างสบายทั้งคืน ลองเปลี่ยนสีห้องนอนของคุณเป็นโทนสีฟ้าดู รับรองว่าจะทำให้จิตใจคุณสงบและสามารถนอนหลับได้สนิทตลอดทั้งคืนแน่นอน ห้องนอนสีขาว สีขาวนอกจากจะช่วยให้ห้องดูกว้างและใหญ่โตขึ้นแล้ว ยังเป็นสีที่ช่วยให้คนเรารู้สึกสบายตาทุกครั้งที่ได้เห็น เพราะสีขาวเป็นสีที่สะอาด เห็นแล้วทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย เมื่อนำมาทาเป็นสีห้องนอนจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดและความกังวลจากเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายและนอนหลับได้เต็มอิ่มนั่นเอง ห้องนอนสีเหลือง สีเหลืองเป็นเฉดสีที่ให้อารมณ์ในแต่ละเฉดต่างกันมาก เช่น สีเหลืองที่มาทางเฉดสีชัด เข้มมาก ๆ จะทำให้เรารู้สึกตื่นตัวและแอคทีฟตลอดเวลา เฉดสีนี้ถ้ามาอยู่ในห้องนอนจะดีสำหรับช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้าที่จะคอยกระตุ้นให้ร่างกายเรารู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่าในทุก ๆ วัน ส่วนเฉดสีเหลืองที่เหมาะสำหรับการนอนที่สุดคือสีเหลืองนวล จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบ และทำให้นอนหลับสบาย ไม่ตึงเครียด ห้องนอนสีดำ ธรรมชาติสร้างมาให้เรานอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความมืดและสีที่บ่งชี้ถึงความมืดมิดก็คือสีดำ ดังนั้นห้องนอนที่มีสีดำจึงเหมาะสำหรับการนอนพักผ่อนเป็นที่สุดโดยเฉพาะพวกบ้างานหรือชอบหอบงานมาทำถึงห้องนอน ควรที่จะเลือกสีดำให้เป็นสีห้องนอนเป็นที่สุดเพราะสีดำจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายอยากพักผ่อน ดึงดูดให้เราอยากนอน นอกจากช่วยเรื่องการนอนแล้ว ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยสีดำยังเป็นห้องนอนของผู้ที่ดูมีเสน่ห์ เป็นคนที่ดูน่าค้นหาอีกด้วย…
วิธีจัดการความโกรธที่ได้ผล อารมณ์ร้อนต้องอ่าน
ความโกรธเป็นปัญหาทางด้านอารมณ์และส่งผลต่อพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ทำให้ผู้อื่นมองว่าคุณเป็นคนที่มีวุฒิภาวะต่ำและกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีที่ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้ ทั้งยังทำให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่นง่าย จนอาจถึงขั้นทำร้ายด้วยคำพูดที่บาดใจหรือทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ เราจึงได้รวมเทคนิคเพื่อพิชิตความโกรธที่ได้ผลจริงมาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านนำไปปรับใช้กับตัวเองได้ ดังนี้ 1. เมื่อรู้สึกว่าเริ่มโกรธให้ยอมรับ การรับรู้อารมณ์ตัวเองว่ากำลังโกรธหรือหงุดหงิดตั้งแต่ต้น จะทำให้มีสติควบคุมอารมณ์โมโหได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ควรปล่อยให้โกรธจนถึงขีดสุด แล้วระเบิดออกมาเป็นคำพูดหรือการใช้กริยารุนแรงต่อผู้ที่ทำให้โกรธ ตัวอย่างเช่น หากขับรถแล้วถูกปาดหน้าบนถนน ทั้งที่ตัวคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทำให้รถเกือบถูกเฉี่ยวชน คุณก็ย่อมมีอารมณ์โกรธในใจขึ้นเป็นธรรมดา แต่หากคุณแสดงออกด้วยการเหยียบคันเร่ง เพื่อเอาคืนหรืออยากจะปาดหน้าแซงกลับบ้าง ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและเกิดความเสียหายเมื่อรถชนกันได้ 2. เปลี่ยนอารมณ์โกรธให้เป็นความเห็นใจ หลังจากที่รู้ว่ากำลังเริ่มโกรธ แล้วมีสติประเมินสถานการณ์ว่าหากไปต่อความยาวสาวความยืดจะยิ่งสร้างปัญหา นอกจากจะทำให้หยุดเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตได้แล้ว ยังทำให้มองคนอื่นด้วยความเห็นใจได้ การคิดว่าผู้ที่ทำให้คุณโกรธอาจมาจากการไม่ตั้งใจหรือความไม่รู้ จะทำให้คุณหงุดหงิดลดน้อยลง เช่น หากลูกน้องทำงานผิดพลาดจนได้รับการต่อว่าจากคุณ อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจคำสั่ง การให้รายละเอียดงานไม่ชัดเจน หรือไม่มีประสบการณ์ในงานนั้นอย่างเพียงพอ หรือหากมีคนทำกาแฟหกเลอะใส่คุณ เพราะเดินชนด้วยความเร่งรีบ คุณก็ควรมองว่า เขาอาจจะต้องรีบไปทำธุระสำคัญอื่น ๆ เช่นนี้ จะทำให้คุณหายโกรธเร็วขึ้น 3. เปลี่ยนอารมณ์โกรธให้กลายเป็นพลังในการออกกำลังกาย มีคนจำนวนไม่น้อยหันมาเล่นกีฬา เพื่อที่จะช่วยควบคุมอารมณ์โกรธได้ดียิ่งขึ้น เช่น การต่อยมวย วิ่ง หรือว่ายน้ำ ฯลฯ แทนที่จะใช้กำลังระบายความโกรธด้วยการขว้างปาสิ่งของ หรือทำร้ายร่างกายคนที่ทำให้โกรธ การออกกำลังกายจะทำให้ใช้พลังไปกับการขยับเขยื้อนให้กล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยในการเผาผลาญและกระตุ้นให้สมองหลั่งสารลดความเครียด เพิ่มการผลิตฮอร์โมนความสุข…