เป็นความจริงที่ว่าการมีหนี้สินจะทำให้ชีวิตตกอยู่ในวังวนแห่งการทำงานแบบไม่มีเงินเก็บไปหลายปี เพราะต้องเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระหนี้สินด้วย เราจึงต้องพิจารณาว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของปัญหาหนี้สิน เพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าไปสู่วงจรดังกล่าว สาเหตุที่ทำให้คนไทยมีหนี้สิน ได้แก่ 1.กู้ซื้อบ้านคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องการมีบ้านหลังใหญ่เป็นของตัวเองตั้งแต่เพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปี โดยใช้สลิปเงินเดือนไปยื่นกู้ซื้อ และทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายตามมารวมหลายล้านบาท ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นรายปีแก่ธนาคารตลอด 15-25 ปี แนะนำควรเลือกราคาบ้านที่เหมาะสมกับกำลังทรัพย์ และหากเช่าอยู่ได้ก็ควรเลือกการเช่าแทนการซื้อในช่วงสิบปีแรกของการทำงาน 2.การค้ำประกันสิ่งที่หลายคนทำผิดพลาด คือ การไปเซ็นค้ำประกันให้ทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท ฯลฯ ซึ่งนับว่าเป็นความเสี่ยงมากหากบุคคลเหล่านั้นไม่ทำตามสัญญาที่ระบุ ทำให้ผู้ค้ำประกันเดือดร้อน หลายคนหมดตัวเพราะต้องนำเงินทั้งหมดที่มีไปใช้หนี้จากการค้ำประกันคนอื่น ดังนั้นการค้ำประกันเป็นสิ่งที่ต้องระวังให้มาก 3.ใช้บัตรเครดิตการใช้บัตรเครดิตคือการใช้เงินในอนาคตแบบมีดอกเบี้ย หากไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ดี อาจเกิดหนี้บัตรเครดิตที่มากกว่ารายได้หลายเท่าตัวได้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีสินค้าออกใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือ Notebook โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ควรชั่งใจให้ดี ว่ามีความสามารถผ่อนจ่ายได้ตามค่างวด 4.กู้เงินนอกระบบการกู้เงินนอกระบบเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการค้ำประกัน เพราะดอกเบี้ยที่ต้องเสียแก่ผู้ให้กู้อยู่ที่ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน หรือบางรายอาจคิดเป็นรายวัน เพียงไม่นานก็มากกว่าเงินต้นที่ไปกู้มาเสียอีก ทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกายเมื่อไม่มีเงินจ่ายด้วย 5.กู้กรมธรรม์การกู้กรมธรรม์จะทำได้ก็ต่อเมื่อเราเคยซื้อกรมธรรม์และส่งมาอย่างต่อเนื่องจนมีมูลค่าระดับหนึ่ง จึงจะทำการกู้ยืมได้ แต่อย่างไรก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่บริษัทประกันภัยนั้น ๆ ถึงเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หากเราไม่จ่ายก็จะถูกตัดจากมูลค่าของกรมธรรม์ไปเรื่อย ๆ จึงไม่ควรชะล่าใจ หากกู้กรมธรรม์ก็ต้องรีบจ่ายด้วยเช่นกัน…