ความโกรธเป็นปัญหาทางด้านอารมณ์และส่งผลต่อพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ทำให้ผู้อื่นมองว่าคุณเป็นคนที่มีวุฒิภาวะต่ำและกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีที่ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้ ทั้งยังทำให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่นง่าย จนอาจถึงขั้นทำร้ายด้วยคำพูดที่บาดใจหรือทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ เราจึงได้รวมเทคนิคเพื่อพิชิตความโกรธที่ได้ผลจริงมาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านนำไปปรับใช้กับตัวเองได้ ดังนี้ 1. เมื่อรู้สึกว่าเริ่มโกรธให้ยอมรับ การรับรู้อารมณ์ตัวเองว่ากำลังโกรธหรือหงุดหงิดตั้งแต่ต้น จะทำให้มีสติควบคุมอารมณ์โมโหได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ควรปล่อยให้โกรธจนถึงขีดสุด แล้วระเบิดออกมาเป็นคำพูดหรือการใช้กริยารุนแรงต่อผู้ที่ทำให้โกรธ ตัวอย่างเช่น หากขับรถแล้วถูกปาดหน้าบนถนน ทั้งที่ตัวคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ทำให้รถเกือบถูกเฉี่ยวชน คุณก็ย่อมมีอารมณ์โกรธในใจขึ้นเป็นธรรมดา แต่หากคุณแสดงออกด้วยการเหยียบคันเร่ง เพื่อเอาคืนหรืออยากจะปาดหน้าแซงกลับบ้าง ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและเกิดความเสียหายเมื่อรถชนกันได้ 2. เปลี่ยนอารมณ์โกรธให้เป็นความเห็นใจ หลังจากที่รู้ว่ากำลังเริ่มโกรธ แล้วมีสติประเมินสถานการณ์ว่าหากไปต่อความยาวสาวความยืดจะยิ่งสร้างปัญหา นอกจากจะทำให้หยุดเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตได้แล้ว ยังทำให้มองคนอื่นด้วยความเห็นใจได้ การคิดว่าผู้ที่ทำให้คุณโกรธอาจมาจากการไม่ตั้งใจหรือความไม่รู้ จะทำให้คุณหงุดหงิดลดน้อยลง เช่น หากลูกน้องทำงานผิดพลาดจนได้รับการต่อว่าจากคุณ อาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจคำสั่ง การให้รายละเอียดงานไม่ชัดเจน หรือไม่มีประสบการณ์ในงานนั้นอย่างเพียงพอ หรือหากมีคนทำกาแฟหกเลอะใส่คุณ เพราะเดินชนด้วยความเร่งรีบ คุณก็ควรมองว่า เขาอาจจะต้องรีบไปทำธุระสำคัญอื่น ๆ เช่นนี้ จะทำให้คุณหายโกรธเร็วขึ้น 3. เปลี่ยนอารมณ์โกรธให้กลายเป็นพลังในการออกกำลังกาย มีคนจำนวนไม่น้อยหันมาเล่นกีฬา เพื่อที่จะช่วยควบคุมอารมณ์โกรธได้ดียิ่งขึ้น เช่น การต่อยมวย วิ่ง หรือว่ายน้ำ ฯลฯ แทนที่จะใช้กำลังระบายความโกรธด้วยการขว้างปาสิ่งของ หรือทำร้ายร่างกายคนที่ทำให้โกรธ การออกกำลังกายจะทำให้ใช้พลังไปกับการขยับเขยื้อนให้กล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยในการเผาผลาญและกระตุ้นให้สมองหลั่งสารลดความเครียด เพิ่มการผลิตฮอร์โมนความสุข…