ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของทุกคนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำธุรกรรมออนไลน์ ทั้ง Internet Banking, Mobile Banking, การซื้อ-ขาย สินค้าออนไลน์ ฯลฯ ส่งผลให้เกิดภัยไซเบอร์ตามมา โดยเฉพาะมิจฉาชีพที่มาพร้อมการหลอกลวงข้อมูล, การข่มขู่หรือแม้แต่การทำให้ดูน่าสงสาร ส่งผลให้ผู้ตกเป็นเหยื่อต้องสูญเงินและทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งที่มีข่าวไม่เว้นในแต่ละวันก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้ โดยในวันนี้จะมาแนะนำวิธีการรับมือมิจฉาชีพ เพื่อมิให้เสียรู้และตกเป็นเหยื่อได้ ก่อนหน้านี้แก็ง Call Center ถือว่าเป็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ ไม่เว้นในแต่ละวัน โดยรูปแบบของการหลอกล่อเหยื่อคือ อาศัยความโลภ ความกังวลและความกลัวของเหยื่อ เพื่อใช้ในการต้มตุ๋นเพื่อให้เหยื่อโอนเงินให้ เช่น โทรมาแจ้งว่ามีพัสดุตกหล่นที่ศูนย์ขนส่งหรือกรมศุลกากร ซึ่งพัสดุดังกล่าวอาจผิดกฎหมาย หากไม่อยากตกเป็นผู้ต้องหา ให้ทำการโอนเงินเพื่อตรวจสอบหรือแจ้งเลขบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายนั้น หรือพัสดุที่ส่งมามีมูลค่ามากแต่ไม่สามารถนำส่งได้ เพราะติดด่านกรมศุลกากร ซึ่งจะต้องเสียภาษี จะต้องโอนเงินค่าภาษี เพื่อที่จะได้นำของออกไปส่งได้ หากหลงกลให้ข้อมูลหรือโอนเงินไปให้ เท่ากับคุณได้ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัวแล้ว ภายหลังจากการโทรเพื่อหลอกลวงเหยื่อเริ่มไม่ได้ผล ทางมิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เป็นการส่ง SMS แจ้งว่าเหยื่อถูกหรือได้รับรางวัลจากการชิงโชคหรือสุ่มผู้โชคดี หากต้องการทราบรายละเอียดให้คลิกที่ลิงก์แนบมา เพื่อติดต่อขอรับรางวัล ซึ่งลิงก์ดังกล่าว เป็นลิงก์สำหรับการแฮ็กข้อมูลของมิจฉาชีพ หากเผลอคลิกลิงก์ มิจฉาชีพจะทำการแฮ็กข้อมูลผ่านมือถือและโอนเงินออกจากบัญชีในทันที เมื่อได้รับข้อความ SMS หรือผ่าน Line, Facebook…
Tag: มิจฉาชีพ
รวมเทคนิคเซ็นบัตรประชาชนอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ
สำเนาบัตรประชาชนนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำธุรกรรมการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ การสมัครงาน การทำเรื่องเบิกเงิน ฯลฯ ต่างจำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนเป็นหลักฐานด้วยกันทั้งสิ้น เพราะนี่คือหลักฐานยืนยันตัวตนบุคคลนั้น ๆ จึงทำให้สำเนาบัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ถูกร้องขอหากติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยต้องมีลายเซ็นเจ้าของบัตรกำกับเอาไว้ แต่หากเซ็นกำกับไว้ไม่รัดกุม แน่นอนว่าอาจเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพนำไปใช้งานอย่างไม่ถูกต้องก็เป็นได้ เซ็นบัตรประชาชนอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ 1.ระบุรายละเอียดและวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจนการเขียนกำกับถึงวัตถุประสงค์การใช้งานบัตรประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้มิจฉาชีพไม่สามารถนำสำเนาบัตรประชาชนไปใช้งานต่อได้ โดยควรขีดคร่อมทับสำเนาบัตรจำนวน 2 เส้น โดยไม่ต้องทับใบหน้า และเขียนกำกับว่าสำเนาบัตรประชาชนใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ใช้ขอสินเชื่อกับธนาคารใด ใช้สมัครงานกับบริษัทใด เป็นต้น ที่สำคัญอย่าลืมระบุวันเดือนปีที่เซ็นกำกับอีกด้วย 2.เขียนรายละเอียดทับสำเนาบัตรประชาชนไปได้เลยการเซ็นสำเนาถูกต้อง การเขียนวัตถุประสงค์การใช้สำเนาบัตรประชาชน รวมถึงการระบุวันเดือนปีที่เซ็นเอกสาร จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้นควรเขียนรายละเอียดเหล่านี้ทับลงบนหน้าสำเนาบัตรประชาชนไปเลย เพราะหากเขียนกำกับบนพื้นที่ว่าง มิจฉาชีพอาจตัดข้อมูลส่วนนั้นทิ้งอย่างง่ายดาย 3.อัปโหลดภาพบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชันอย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงพลาสติกปัจจุบันมีหลายแอปพลิเคชันด้านการเงิน ร้องขอให้ถ่ายรูปบัตรประชาชนและอัปโหลดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งการส่งภาพบัตรประชาชนผ่านช่องทางนี้จะปลอดภัยมากขึ้นเพียงนำบัตรประชาชนใส่ถุงพลาสติก จากนั้นเซ็นกำกับบนถุงพลาสติกอีกครั้ง โดยต้องเลือกปากกาที่สามารถเขียนลงบนพื้นผิวพลาสติกได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันการนำภาพบัตรประชาชนไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง 4.ห้ามถ่ายเอกสารด้านหลังบัตรประชาชนเด็ดขาดจะสังเกตว่าด้านหลังบัตรประชาชนจะมีตัวเลขจาง ๆ กำกับอยู่ ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นเรียกว่า Laser ID ตัวเลขเหล่านี้ทำหน้าที่ยืนยันตัวตน กรณีทำธุรกรรมการเงิน การชำระเงิน รวมถึงการยืนยันสิทธิ์ต่าง ๆ กับทางภาครัฐ ซึ่งหากมิจฉาชีพมีตัวเลขเหล่านี้จะสามารถนำข้อมูลไปทำธุรกรรมหรือนำไปใช้สิทธิ์ต่าง ๆ ได้…