หลักคำสอนในศาสนาพุทธ สอนให้คนเราใช้ปัญญาในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ตามหลักเหตุและผล ตามกฎธรรมดาของธรรมชาติ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และปฏิบัติเพื่อค้นพบความจริงอันประเสริฐ เราจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ ตลอดจนการแพร่ระบาดของโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อันนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หลงเหลือไว้แต่ความทุกข์และบาดแผลภายในใจ ในขณะที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ที่นิยมใช้การสวดมนต์ ทำสมาธิ เจริญภาวนา เพื่อพิสูจน์สัจธรรมและเรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วในชีวิตที่เกิดมานี้ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราอย่างแท้จริง วันหนึ่งก็ต้องหมดไป สูญสลายไปตามวาระเวลา เมื่อรับรู้เช่นนั้นจิตใจก็จะปล่อยวางและคลายความทุกข์ พร้อมทั้งรับความสุขมาแทนที่ในวาระหนึ่ง แต่หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าความสุขอันเกิดขึ้นจากการสวดมนต์เป็นสิ่งที่เราพิสูจน์ได้จริงหรือไม่ เราไปเรียนรู้พร้อม ๆ กัน ความสุขอันเกิดจากการสวดมนต์ ไม่ใช่เรื่องงมงายและสามารถพิสูจน์ 2 ประการหลักได้แก่ ความสุขทางกายและความสุขทางใจซึ่งสามารถอธิบายแนวทางได้ดังนี้ 1.ความสุขทางกายมีคำกล่าวว่าเมื่อจิตผ่องใส ก็เปรียบได้ดั่งโอสถทิพย์ ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะการปรับสมดุลของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทั้งระบบหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย อันเกิดจากการสวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ผู้ปฏิบัติก็จะมีจิตที่สว่าง อารมณ์ผ่องใส ไม่ตึงเครียดและสามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล เมื่อร่างกายเกิดสมดุล ฮอร์โมนต่าง ๆ ก็จะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้มีอายุยืนยาว 2.ความสุขทางใจเกิดจากจิตใจที่ฝึกฝนจนเข้มแข็ง มีสติและไม่อ่อนไหวไปตามอารมณ์ความรู้สึกโดยง่าย นานไปจะเกิดสมาธิและปัญญาในที่สุด นั่นหมายถึงระบบการคิดที่มีสติคอยกำกับ เมื่ออารมณ์มั่นคงก็จะมีสมาธิและเหตุผล ไม่โกรธและไม่โมโหง่าย…