คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่คนเราจะสามารถรู้โชคชะตาชีวิตล่วงหน้าได้ เพราะจะได้เอาเวลาที่มีเหลืออยู่ในปัจจุบันไปเตรียมตัวรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุนี้การดูดวงจึงกลายเป็นกิจกรรมยามว่างที่สาว ๆ ส่วนใหญ่มักเลือกที่จะทำ และก็คงหนีไม่พ้นเรื่องหลัก ๆ อย่าง การเงิน การงาน สุขภาพ และก็เรื่องของความรัก
แต่เรื่องประเภทนี้ก็ไม่เคยมีใครออกมาการันตีด้วยหลักการและเหตุผลได้อย่างชัดเจน ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน การดูดวงจึงกลายเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลเสียมากกว่า หากหมอดูทำนายทายทักได้อย่างตรงเป๊ะ ก็จะได้รับคำกล่าวขานว่าแม่นเป็นอย่างมาก แต่หากหมอดูเอ่ยปากออกมาไม่ตรงกับความจริง ก็จะกลายเป็นความมั่วของหมอดูไปโดยปริยาย ดังนั้นการดูดวงให้แม่นยำและผลอย่างตรงมากที่สุด ต้องเป็นการดูดวงภายใต้กฎเหล็ก 3 ข้อ ดังนี้
อย่างมงาย – ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าปัจจุบันมีคนประเภทที่งมงายกับการดูดวงเป็นอย่างมาก เพราะใจเขาผูกติดกับคำทำนายที่ชี้นำไปในแนวทางบวกเท่านั้น หากมีหมอไหนทำนายทายทักไปในทางลบ ก็จะต้องรีบหาหมออื่นมาทำนายใหม่อย่างทันที ทั้งหมดทั้งมวลก็มิใช่เพื่ออื่นใดนอกเหนือจากความสบายใจของตัวเองเท่านั้น
รู้เพื่อเป็นแนวทาง – จริง ๆ แล้วการดูดวงไม่ใช่การทำนายเส้นทางชีวิตอนาคตข้างหน้าได้อย่างชัดเจน แต่เป็นการชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตอนาคตข้างหน้าเสียมากกว่า เช่น หมอดูทายทักว่าจะมีปัญหาด้านสุขภาพ คำทักของหมอดูนี้เองที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้หันมาดูแลใส่ใจร่างกายมากยิ่งขึ้น และเมื่อร่างกายแข็งแรงก็เท่ากับว่ามีสุขภาพที่ดีนั่นเอง
ต้องมีสติ – ตัวการสำคัญที่สุดของการดูดวงคือ ต้องมีสติ ต้องรู้จักแยกแยะให้ออกว่าควรจัดการกับความคิด ความรู้สึกต่อคำทำนายทายทักของหมอดูอย่างไร ถ้าหมอดูทักในแง่ดีก็สบายใจไป แต่หากทักในทางร้ายก็จะกลายเป็นการเอาจิตใจไปผูกกับคำทำนายร้าย ๆ นั้นตลอดเวลา ท้ายที่สุดก็จะพาลเสียการเสียงานไปเพราะความสติหลุดนี้นั่นเอง
อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า การดูดวงถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล บางคนชอบ บางคนหลงใหล หรือบางคนอาจถึงขั้นคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ แต่ในทางตรงกันข้าม กับบางคนที่อาจจะไม่ปรารถนาเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพราะมองว่ามันก็เป็นแค่เรื่องงมงาย แต่ไม่ว่าใครจะคิดตรงหรือคิดต่างกันอย่างไร การดูดวงก็ไม่ถือเป็นเรื่องเดือดร้อนหรือเป็นเรื่องเสียหาย หากผู้นั้นดูดวงอยู่ภายใต้คำว่าสติ และสามารถพิจารณาเหตุและผลแห่งการกระทำได้ด้วยตัวเอง